เชลซีโชว์ฟอร์มสุดประทับใจในค่ำคืนวันอาทิตย์ที่ 4 พฤษภาคม 2025 เมื่อพวกเขาเปิดสนามสแตมฟอร์ด บริดจ์ เอาชนะลิเวอร์พูล ทีมแชมป์เก่าได้อย่างน่าทึ่ง พร้อมจุดประกายความหวังในการลุ้นตั๋วแชมเปี้ยนส์ลีกฤดูกาลหน้า และในเกมนี้ ชื่อของโคล พาลเมอร์กลับมาโดดเด่นอีกครั้งในช่วงเวลาสำคัญ
พาลเมอร์สร้างอิมแพ็กตั้งแต่นาทีแรก
พาลเมอร์ออกสตาร์ทเกมด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม และแสดงให้เห็นถึงความกล้าหาญด้วยการพาบอลทะลวงจากกลางสนาม ก่อนจะจ่ายบอลอย่างแม่นยำให้เปโดร เนโต้ และเนโต้เองก็ไม่รอช้า ส่งต่อให้เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซซัดประตูขึ้นนำตั้งแต่นาทีที่ 3
แม้จะเจอช่วงเวลาปืนฝืดนานถึงสามเดือน แต่พาลเมอร์ไม่เคยหมดหวัง เขายังทำงานหนักเพื่อทีมอย่างต่อเนื่อง “ผมรู้ว่าช่วงที่ยิงประตูไม่ได้มันจะต้องผ่านไป ผมไม่เคยยอมแพ้และเชื่อมั่นในตัวเองเสมอ” พาลเมอร์กล่าวด้วยแววตาที่มุ่งมั่น
ผลงานในเกมนี้ส่งผลให้พาลเมอร์ยิงรวม 37 ประตูจาก 67 เกมในพรีเมียร์ลีก ทำให้เขาขึ้นแท่นเป็นผู้ทำประตูสูงสุดอันดับที่ 10 ตลอดกาลของเชลซีในลีกสูงสุดทันที ซึ่งถือเป็นความสำเร็จที่น่าจดจำสำหรับผู้เล่นที่เพิ่งย้ายมาร่วมทีมได้ไม่นาน
มาเรสก้า-เพื่อนร่วมทีมหนุนหลังเต็มที่
เอ็นโซ่ มาเรสก้า กุนซือใหญ่ของเชลซี กล่าวชื่นชมลูกทีมคนเก่งว่า “พาลเมอร์เป็นมืออาชีพที่ยอดเยี่ยม เขาทำงานหนักทุกวันในการซ้อม และไม่เคยหยุดพยายามเพื่อทีม เขาไม่ใช่แค่ผู้เล่นที่มองหาประตู แต่เขาใส่ใจผลประโยชน์ของทีมเสมอ”
ขณะที่มอยเซส ไกเซโด กองกลางตัวรับคนสำคัญก็ร่วมแสดงความยินดีว่า “โคลเป็นนักเตะที่ไม่เคยยอมแพ้ เขาช่วยทีมตลอดแม้ในวันที่ไม่มีชื่อบนสกอร์บอร์ด เราทุกคนดีใจมากที่เขากลับมายิงได้ในแมตช์สำคัญแบบนี้”
ช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลองหลังจากประตูของพาลเมอร์ยังแสดงให้เห็นถึงพลังแห่งความสามัคคีในทีมโรยัลบลูส์ เมื่อโรเบิร์ต ซานเชซ ผู้รักษาประตูถึงกับวิ่งข้ามสนามมาเฮร่วมกับเพื่อน ๆ เสมือนส่งสัญญาณว่าเชลซีกำลังรวมพลังเต็มที่ในช่วงโค้งสุดท้ายของฤดูกาล
ลุ้นตั๋ว UCL กับเส้นทางที่ยังไม่จบ
ชัยชนะเหนือหงส์แดงทำให้เชลซีขยับเข้าใกล้พื้นที่แชมเปี้ยนส์ลีก และกับฟอร์มของพาลเมอร์ที่กลับมาร้อนแรงอีกครั้ง ทีมมีความหวังใหม่ในการคว้าท็อป 5 ให้ได้
ยังมีโปรแกรมอีก 3 นัดรออยู่ โดยพวกเขาจะเปิดบ้านรับการมาเยือนของนิวคาสเซิล และออกไปเยือนน็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ ซึ่งไล่ตามมาเพียง 3 แต้มเท่านั้น เกมเหล่านี้จะชี้ชะตาว่าลูกทีมของมาเรสก้าจะไปถึงเป้าหมายได้หรือไม่
หากพาลเมอร์สามารถรักษามาตรฐานการเล่นแบบนี้ไว้ได้ เชลซีก็มีเหตุผลมากพอที่จะเชื่อว่าฤดูกาลที่ขึ้น ๆ ลง ๆ นี้อาจจบลงอย่างสวยงาม พร้อมการกลับคืนสู่เวทียุโรปใบใหญ่ในฤดูกาลหน้า
อ่านด้วย :