โธมัส ทูเคิ่ล เคยยืนอยู่ข้างสนามแอนฟิลด์ด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัยและไม่เข้าใจ ในตอนนั้นเขายังเป็นผู้จัดการทีมปารีส แซงต์-แชร์กแมง (PSG) และต้องทนเห็นลูกทีมซูเปอร์สตาร์ของเขาเดินเล่นในสนาม ไม่ยอมวิ่งไล่บอลหรือปิดพื้นที่ เมื่อเผชิญหน้ากับลิเวอร์พูลของเจอร์เกน คล็อปป์
“นี่พวกนายทำอะไรกันอยู่?” เขาตะโกนจากข้างสนาม แต่ไม่มีใครตอบ ไม่มีใครขยับ ในห้องแต่งตัวที่เต็มไปด้วยอีโก้และความโด่งดัง คำว่า “ทีมเวิร์ก” กลายเป็นเรื่องรอง
สำหรับทูเคิ่ลแล้ว ฟุตบอลไม่ใช่แค่เกมของชื่อเสียงหรือค่าตัวมหาศาล แต่คือเรื่องของโครงสร้าง ระเบียบ วินัย และการเสียสละเพื่อส่วนรวม ซึ่งสิ่งเหล่านั้นแทบหาไม่ได้ในห้องแต่งตัวของ PSG ที่เต็มไปด้วยความเป็นปัจเจก
จุดยืนชัดเจน: ทีมต้องมาก่อนชื่อเสียง
ภาพนั้นเหมือนย้อนกลับมาอีกครั้งในตอนนี้ แต่คราวนี้เกิดขึ้นใน ทีมชาติอังกฤษ ภายใต้การนำของเขา ประเด็นเรื่อง “อีโก้” และ “การเล่นเป็นทีม” กลับมาเป็นหัวข้อร้อนอีกครั้ง
สตีเวน เจอร์ราร์ด เคยพูดไว้ว่า “อังกฤษยุคทองล้มเหลวเพราะมีแต่ซูเปอร์สตาร์ที่เห็นแก่ตัว” และทูเคิ่ลก็เห็นด้วยอย่างเต็มที่ เขาเลือกเดินอีกเส้นทาง — เส้นทางของความมีวินัยและความสามัคคี
“เรากำลังสร้างทีมที่ดีที่สุด ไม่ใช่ทีมที่รวมคนที่เก่งที่สุด” ทูเคิ่ลกล่าวย้ำหลายครั้งในสัปดาห์ที่ผ่านมา
เขาไม่ลังเลแม้แต่น้อยที่จะตัดชื่อของ จู๊ด เบลลิงแฮม, แจ็ค กรีลิช และ ฟิล โฟเด้น ออกจากรายชื่อทีมชาติอังกฤษ
“เราจะไม่คัดเลือกผู้เล่นที่โด่งดังที่สุด แต่จะเลือกคนที่ทำให้ทีมมีความกลมเกลียวที่สุด” เขากล่าวอย่างหนักแน่นก่อนเกมอุ่นเครื่องกับเวลส์
ทูเคิ่ลกับบทเรียนจากอดีต: ซูเปอร์สตาร์ไม่ได้การันตีความสำเร็จ
เส้นทางอาชีพของทูเคิ่ลแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเขาไม่เคยยอมจำนนต่อชื่อใหญ่ๆ
ที่ PSG เขาเคยต้องจัดการกับอีโก้ของเนย์มาร์, เอ็มบัปเป้ และเอดินสัน คาวานี่ แต่สุดท้ายพวกเขาก็ไม่สามารถคว้าแชมป์ยุโรปได้ เพราะขาดความเป็นทีม
แต่เมื่อย้ายมาคุม เชลซี ทุกอย่างกลับตรงกันข้าม เขาสร้างทีมจากความมีระเบียบและการเล่นร่วมกัน จนสามารถพาทีมคว้า แชมป์ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก 2021 ได้สำเร็จ โดยมีเอ็นโกโล่ ก็องเต้ และธิอาโก้ ซิลวา เป็นหัวใจสำคัญ
“ทีมชุดนั้นไม่ใช่ทีมของดารา แต่เป็นทีมของคนที่ยอมทำงานหนักเพื่อกันและกัน” ทูเคิ่ลเคยกล่าวไว้
ทีมชาติอังกฤษยุคใหม่: ไม่มีซูเปอร์สตาร์ มีแต่ทีม
และแนวคิดแบบนั้นกำลังถูกนำมาปรับใช้ในทีมชาติอังกฤษยุคปัจจุบัน ผลงานในสนามเริ่มแสดงให้เห็นความเปลี่ยนแปลง
ในการอุ่นเครื่องกับเวลส์ อังกฤษเล่นอย่างดุดันตั้งแต่นาทีแรก และสามารถเอาชนะไปได้ถึง 3-0 จากผลงานของมอร์แกน โรเจอร์ส, โอลลี่ วัตกินส์ และบูกาโย ซาก้า
ทูเคิ่ลชื่นชมทีมของเขาหลังจบเกม “เรากำลังไปในทิศทางที่ถูกต้อง เกมนี้เหมือนเราได้เห็นทีมที่เล่นอย่างมีระบบ เหมือนสโมสรที่ซ้อมกันมานาน”
เขายังพูดถึงมิดฟิลด์ดาวรุ่งอย่าง เอลเลียต แอนเดอร์สัน ที่จับคู่กับ ดีแคลน ไรซ์ ได้อย่างลงตัว “พวกเขาเล่นด้วยสมดุล ความเข้าใจเกม และมีพลังไม่รู้จบ”
แล้วเบลลิงแฮมล่ะ?
แน่นอนว่าแฟนบอลหลายคนตั้งคำถามว่า “ถ้าไม่มีเบลลิงแฮม ใครจะสร้างความแตกต่าง?”
ทูเคิ่ลตอบด้วยความมั่นใจว่า มอร์แกน โรเจอร์ส คือคนที่ทำได้ “เขาเป็นเด็กที่อ่อนน้อม ทำงานหนัก และมีพลังมหาศาล” ผู้จัดการทีมกล่าว
ถึงแม้โรเจอร์สจะยังไม่อยู่ในระดับเดียวกับเบลลิงแฮม แต่ทูเคิ่ลมองว่า ความเข้าใจระบบสำคัญกว่าความสามารถเฉพาะตัว
เขาไม่ได้ปฏิเสธว่าเบลลิงแฮมคือ “พรสวรรค์ระดับโลก” แต่ก็เตือนว่า “พลังของเขาต้องถูกใช้เพื่อต่อสู้กับคู่แข่ง ไม่ใช่กับเพื่อนร่วมทีมหรือกรรมการ”
“ทุกคนต้องยอมรับลำดับชั้นของทีม”
ถึงแม้เหตุผลอย่างเป็นทางการของการที่เบลลิงแฮมหายจากทีมจะเกี่ยวกับอาการบาดเจ็บที่หัวไหล่ แต่ทูเคิ่ลพูดชัดว่า นั่นไม่ใช่ทั้งหมด
“ทุกคนต้องยอมรับโครงสร้างของทีม ใครที่ไม่เข้าใจเรื่องนี้ ก็ไม่มีที่ยืนในระบบของเรา” เขากล่าวหลังเกมกับเวลส์
เขายังเปิดโอกาสให้เบลลิงแฮมกลับมา “ประตูทีมชาติยังเปิดอยู่สำหรับผู้เล่นที่มีคุณภาพและทัศนคติที่ถูกต้อง แต่ทุกอย่างต้องอยู่ภายใต้กรอบเดียวกัน ไม่มีใครได้รับสิทธิพิเศษ”
ทูเคิ่ล: อังกฤษต้องเป็น “ทีมของเคน” ไม่ใช่ทีมของใครคนหนึ่ง
รายงานจาก The Guardian ชี้ว่า ทูเคิ่ลยังคงมอง แฮร์รี่ เคน เป็นศูนย์กลางของทีมชาติอังกฤษในตอนนี้ เพราะเขาคือแบบอย่างของ “มืออาชีพตัวจริง”
ไม่ว่าจะในสนามหรือนอกสนาม เคนคือคนที่ลงซ้อมก่อนใคร ทำหน้าที่สื่อสารกับทีมและสื่อมวลชนอย่างมีวินัย และไม่เคยแสดงอาการไม่พอใจเมื่อถูกวิจารณ์
วินเซนต์ กอมปานี อดีตโค้ชของเคนที่บาเยิร์น เคยพูดไว้ว่า “เคนไม่ได้เก่งแค่ยิงประตู แต่เขาทำให้คนรอบข้างดีขึ้นด้วย”
ทูเคิ่ลต้องการทีม ไม่ใช่ซูเปอร์ฮีโร่
ทูเคิ่ลรู้ดีจากประสบการณ์ในเยอรมนีและฝรั่งเศสว่า เมื่อผู้เล่นเริ่มคิดถึงแต่ตัวเอง ความพังพินาศของทีมก็ใกล้เข้ามา
ดังนั้น การตัดสินใจของเขาเกี่ยวกับเบลลิงแฮมไม่ได้มีแค่เหตุผลทางแท็กติกหรือเรื่องอาการบาดเจ็บ แต่มันคือเรื่องของ “จิตวิญญาณทีม”
เขาต้องการผู้เล่นที่พร้อมเสียสละ ยอมวิ่งเพื่อกันและกัน และเชื่อในระบบเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นใครหรือดังแค่ไหนก็ตาม
“เราจะเลือกเฉพาะผู้เล่นที่มีความเป็นหนึ่งเดียว และสามารถสร้างทีมที่แข็งแกร่งที่สุดเท่านั้น” ทูเคิ่ลกล่าวย้ำ
และนี่คือข้อความชัดเจนถึงทุกคนในทีมชาติอังกฤษ —
“ภายใต้การนำของโธมัส ทูเคิ่ล ที่นี่ไม่มีที่สำหรับฮีโร่เดี่ยว มีแต่ทีมที่เดินไปข้างหน้าด้วยกันเท่านั้น”
อ่านด้วย :
