มัสซิมิเลียโน่ อัลเลกรี กลายเป็นหัวข้อร้อนแรงในวงการลูกหนังอิตาลี หลังมีรายงานว่าเขาอาจกลับมารับตำแหน่งกุนซือของเอซี มิลานอีกครั้งในฤดูกาลหน้า โดยคาดว่าเขาจะเข้ามาแทนที่ แซร์โจ้ คอนไซเซา ที่เพิ่งเข้ามาคุมทีมได้เพียง 6 เดือน
แม้ว่าการแต่งตั้งคอนไซเซาจะถูกคาดหวังไว้สูง แต่ผลงานที่ไม่สม่ำเสมอของมิลานในฤดูกาล 2024/25 ทำให้บอร์ดบริหารเริ่มมองหาทางเลือกใหม่ และชื่อของอัลเลกรี ซึ่งมีประสบการณ์และความคุ้นเคยกับสโมสร ก็กลับมาอยู่ในลิสต์อย่างรวดเร็ว
เส้นทางเดิมที่เคยจารึกไว้
อัลเลกรีเคยสร้างประวัติศาสตร์ไว้กับเอซี มิลานในช่วงปี 2010-2014 โดยเฉพาะในฤดูกาลแรกที่เขาพาทีมคว้าแชมป์กัลโช่ เซเรีย อา ได้อย่างยอดเยี่ยม อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จนั้นกลับไม่สามารถต่อยอดในระยะยาว และในเดือนมกราคม 2014 เขาก็ถูกปลดหลังพ่ายแพ้แบบสุดดราม่าให้กับซาสซูโอโล 4-3
ระหว่างที่เขาคุมทัพรอสโซเนรี อัลเลกรีพาทีมลงสนามไปทั้งหมด 178 นัด ชนะ 91 เสมอ 49 และแพ้ 38 นัด ซึ่งถือเป็นผลงานที่ค่อนข้างดีแม้จะมีช่วงเวลาที่ยากลำบากบ้างก็ตาม
ความพ่ายแพ้ที่กลายเป็นจุดจบ
จุดแตกหักเกิดขึ้นในเกมที่มิลานบุกไปเยือนซาสซูโอโล และพ่ายแพ้ด้วยสกอร์ 4-3 ซึ่งเป็นแมตช์ที่สร้างความสั่นคลอนอย่างหนักในแผนการทำทีมของอัลเลกรี โดยในเกมนั้น โดเมนิโก้ แบร์ราดี้ ยิงคนเดียว 4 ประตูให้กับซาสซูโอโล และกลายเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้ผู้บริหารตัดสินใจปลดอัลเลกรีออกจากตำแหน่ง
ขณะนั้น มิลานกำลังดิ้นรนแย่งชิงพื้นที่ในรายการยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ทว่าการขายนักเตะสำคัญออกไปหลายคนเพื่อประคองการเงิน ทำให้ทีมขาดความแข็งแกร่ง สวนทางกับความคาดหวังที่วางไว้
จุดเริ่มต้นใหม่ของอัลเลกรี?
หากการกลับมาของอัลเลกรีเป็นจริง เขาจะต้องเผชิญความท้าทายครั้งใหญ่ในการฟื้นฟูมิลานให้กลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง โดยเฉพาะเมื่อทีมไม่ได้ไปเล่นฟุตบอลยุโรปในฤดูกาลหน้า และต้องโฟกัสเต็มที่กับการลุยเวทีกัลโช่ เซเรีย อา
สถานการณ์ของมิลานในฤดูกาลล่าสุดมีความคล้ายคลึงกับปี 2014 อย่างไม่น่าเชื่อ ทั้งผลงานที่ไม่แน่นอน การเปลี่ยนแปลงตัวกุนซืออย่างต่อเนื่อง และบรรยากาศภายในที่ต้องการผู้นำที่มีประสบการณ์สูงในการพาทีมผ่านวิกฤติ
11 ผู้เล่นตัวจริงนัดสุดท้ายของอัลเลกรีกับมิลานในปี 2014
ในเกมสุดท้ายก่อนที่เขาจะถูกปลด อัลเลกรีจัดทัพในระบบ 4-3-3 โดยมีนักเตะดังในยุคนั้นหลายคนลงสนาม โดยเฉพาะ มาริโอ บาโลเตลลี่, ริคาร์โด้ กาก้า และไนเจล เดอ ยอง ซึ่งในปัจจุบันต่างอำลาวงการฟุตบอลหรือย้ายไปอยู่ในบทบาทใหม่
รายชื่อ 11 ตัวจริง:
- ผู้รักษาประตู: คริสเตียน อับเบียติ
- กองหลัง: มัตเตีย เด ชิโญ่, คริสเตียน ซาปาต้า, ดานิเอเล่ โบเนร่า, เออร์บี้ เอ็มมานูเอลสัน
- กองกลาง: ไบรอัน คริสตันเต้ (เปลี่ยนออกนาที 55 ให้ จามเปาโล ปาซซินี่), ไนเจล เดอ ยอง, อันโตนิโอ โนเชริโน่ (เปลี่ยนออกนาที 55 ให้ ริคาร์โด้ มอนโตลิโว่)
- กองหน้า: ริคาร์โด้ กาก้า, โรบินโญ่ (เปลี่ยนออกนาที 65 ให้ เคสุเกะ ฮอนดะ), มาริโอ บาโลเตลลี่
ผู้เล่นสำรองที่ไม่ได้ถูกใช้งาน:
กาเบรียล, อันโตนิโอ คอปโปล่า, คริสเตียน ซัคคาร์โด้, มาติอัส ซิลเวสเตร, ฟิลิปป์ เม็กแซส, อาดิล รามี่, ริคาร์โด้ ซาโปนาร่า, อันเดรีย โปลี, อเลสซานโดร มาตรี
มิลานต้องการอัลเลกรี…อีกครั้ง?
การกลับมาของมัสซิมิเลียโน่ อัลเลกรีอาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญสำหรับเอซี มิลาน ในช่วงเวลาที่ทีมต้องการผู้นำที่สามารถสร้างความมั่นคงและพาทีมกลับคืนสู่เส้นทางความสำเร็จ แม้เขาเคยจากไปในฐานะผู้พ่ายแพ้ แต่ประสบการณ์ที่สั่งสมมากับยูเวนตุสและในเวทีระดับสูง อาจเป็นกุญแจสำคัญที่รอสโซเนรีกำลังมองหา
แฟนบอลทั่วโลกต่างเฝ้ารอว่า “อัลเลกรีเวอร์ชันใหม่” จะสามารถนำพามิลานกลับสู่ยุคทองได้อีกครั้งหรือไม่
อ่านด้วย :