• BTC$85,511.00
    1.21%
  • ETH$2,781.59
    0.76%
  • USDT$1.00
    0.02%
  • XRP$2.02
    3.48%
  • BNB$837.60
    0.76%
  • USDC$1.00
    -0.01%
  • SOL$128.20
    0.24%
  • TRX$0.27
    -0.84%
  • STETH$2,777.55
    0.72%
  • DOGE$0.14
    2.19%
  • ADA$0.41
    0.41%
  • WSTETH$3,387.62
    0.75%
  • BCH$545.60
    2.08%
  • WBTC$85,383.73
    1.19%
  • HYPE$30.47
    -11.27%

SBOTOP: เฮนริค มคิทาร์ยาน เปิดใจ! เบื้องหลังการทะเลาะครั้งใหญ่กับโชเซ่ มูรินโญ่ สมัยอยู่แมนฯ ยูไนเต็ด

เฮนริค มคิทาร์ยาน (Henrikh Mkhitaryan) มิดฟิลด์จอมเก๋าชาวอาร์เมเนีย ได้เปิดเผยเรื่องราวเบื้องหลังเหตุการณ์ “ปะทะเดือด” กับ โชเซ่ มูรินโญ่ (Jose Mourinho) ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่เขายังสวมเสื้อ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เหตุการณ์ครั้งนั้นกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้เส้นทางของเขากับ “ปีศาจแดง” ต้องสิ้นสุดลงเร็วกว่าที่คาดไว้

ปัจจุบัน มคิทาร์ยานในวัย 36 ปี ได้เล่าเรื่องทั้งหมดผ่านหนังสืออัตชีวประวัติเล่มใหม่ของเขาที่เพิ่งเปิดตัวในประเทศอิตาลี ซึ่งสร้างความสนใจอย่างมากในหมู่แฟนบอลทั้งในยุโรปและทั่วโลก

จุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ที่ไม่ลงรอย

มคิทาร์ยานย้ายมาร่วมทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในปี 2016 ซึ่งเป็นหนึ่งในดีลแรกที่มูรินโญ่ทำหลังเข้ามานั่งแท่นกุนซือคนใหม่ของสโมสร ณ สนามโอลด์ แทรฟฟอร์ด เขาเคยถูกคาดหวังให้เป็นตัวรุกคนสำคัญของทีม แต่ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งคู่กลับไม่เคยราบรื่น

หลังจากค้าแข้งได้เพียง 18 เดือน มคิทาร์ยานก็ต้องเก็บกระเป๋าออกจากแมนฯ ยูไนเต็ด เพื่อย้ายไปร่วมทีม อาร์เซน่อล ในดีลสลับตัวกับ อเล็กซิส ซานเชซ (Alexis Sanchez) ซึ่งสร้างความฮือฮาไปทั่ววงการฟุตบอลในเวลานั้น

เปิดปากเล่าการทะเลาะครั้งใหญ่กับมูรินโญ่

ในหนังสือเล่มดังกล่าว มคิทาร์ยานเล่าว่า จุดแตกหักของเขากับมูรินโญ่เกิดขึ้นในระหว่างการฝึกซ้อม เมื่อเขาทนไม่ไหวต่อคำวิจารณ์ที่ได้รับมาโดยตลอด

“ผมพูดกับมูรินโญ่ว่า ‘คุณตำหนิผมมาตลอด ตั้งแต่วันแรกที่ผมย้ายมาที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด’ เขาตอบกลับมาว่า ‘นายมันขยะ’ และตอนนั้นผมก็หมดความอดทน ผมสวนกลับไปทันทีว่า ‘ขยะน่ะคือคุณต่างหาก!’ จากนั้นเขาพูดแค่ว่า ‘ออกไปจากที่นี่ ฉันไม่อยากเห็นหน้าแกอีก’”

หลังจากเหตุการณ์นั้น บรรยากาศระหว่างทั้งคู่ก็เต็มไปด้วยความตึงเครียด มคิทาร์ยานเล่าต่อว่า

“เขาไม่พูดกับผมเลยระหว่างซ้อม เหมือนคนเป็นใบ้ แต่ทุกคืนเขาจะส่งข้อความมาหาผมใน WhatsApp ว่า ‘มิคกี้ ช่วยย้ายออกจากสโมสรได้ไหม’ มันเป็นสถานการณ์ที่ไม่ปกติเลย”

มคิทาร์ยานตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเด็ดขาดว่าเขาจะย้ายทีมก็ต่อเมื่อเจอข้อเสนอที่เหมาะสม

“ผมตอบเขาเสมอว่า ‘ผมจะไปถ้ามีทีมที่เหมาะกับผม แต่ถ้าไม่ ผมจะรอจนถึงซัมเมอร์’”

จนกระทั่งในเดือนมกราคม มูรินโญ่ก็ส่งข้อความอีกครั้ง คราวนี้ด้วยเหตุผลที่ตรงไปตรงมา

“มิคกี้ ช่วยไปเถอะนะ ฉันต้องการอเล็กซิส ซานเชซ”

ขณะนั้น มิโน ไรโอล่า (Mino Raiola) เอเยนต์ของมคิทาร์ยาน กำลังจัดการเจรจาเพื่อดีลสลับตัวกับอาร์เซน่อล

“ผมจึงตอบกลับว่า ‘ผมจะไปก็เพื่อช่วยให้คุณได้สิ่งที่ต้องการก็เถอะ แต่ได้โปรดอย่าส่งข้อความมาหาผมอีก ถ้าคุณมีอะไรจะพูด ให้คุยกับมิโนแทน’”

การย้ายทีมที่ไม่เปลี่ยนโชคชะตา

แม้ดีลย้ายทีมจะเกิดขึ้น แต่ผลลัพธ์กลับไม่เป็นอย่างที่ทั้งสองฝ่ายคาดหวัง ทั้ง มคิทาร์ยาน และ ซานเชซ ต่างก็ไม่สามารถโชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่นในทีมใหม่ของตน

ซานเชซทำได้เพียง 5 ประตูจาก 45 นัด ในสีเสื้อแมนฯ ยูไนเต็ด แม้จะได้รับค่าเหนื่อยสูงถึง 450,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ ขณะที่มคิทาร์ยานลงเล่นให้ อาร์เซน่อล 59 นัด โดยไม่สามารถสร้างความประทับใจได้มากนัก ก่อนจะย้ายไป โรมา (AS Roma) ในปี 2019

กลับมาเจอกันอีกครั้งที่โรม่า และจบด้วยการให้อภัย

ชะตากรรมพามคิทาร์ยานและมูรินโญ่กลับมาร่วมงานกันอีกครั้งในปี 2021 ที่สโมสร โรมา แม้จะมีอดีตที่ไม่สู้ดีนัก แต่ทั้งคู่เลือกที่จะเริ่มต้นใหม่ด้วยความเป็นมืออาชีพ

“หลายคนคิดว่าผมจะไม่มีโอกาสกับมูรินโญ่อีก แต่ความจริงตรงกันข้าม เราทั้งคู่ต่างเติบโตขึ้น และสามารถพูดคุยกันอย่างเปิดใจ ผมมีความสุขกับความสัมพันธ์ของเราตอนนี้” มคิทาร์ยานกล่าวอย่างอบอุ่น

อย่างไรก็ตาม ความร่วมมือของทั้งคู่มีอายุไม่นาน เพราะในปี 2022 มคิทาร์ยานตัดสินใจย้ายไปอยู่กับ อินเตอร์ มิลาน (Inter Milan) แบบไร้ค่าตัว ซึ่งมีรายงานว่า มูรินโญ่ “ไม่พอใจอย่างมาก” กับการตัดสินใจของอดีตลูกทีมรายนี้

จากศัตรูสู่ความเข้าใจ

เรื่องราวของมคิทาร์ยานและมูรินโญ่เป็นหนึ่งในบทเรียนของโลกฟุตบอลที่สะท้อนให้เห็นถึง “อารมณ์ ความกดดัน และความเป็นมนุษย์” ของทั้งนักเตะและผู้จัดการทีม แม้จะเคยปะทะกันอย่างรุนแรง แต่ทั้งคู่ก็สามารถเรียนรู้จากอดีตและเดินหน้าต่อด้วยความเคารพซึ่งกันและกัน

“เวลาผ่านไป ผมมองย้อนกลับไปและเข้าใจมากขึ้น ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทำให้ผมเติบโตทั้งในฐานะนักเตะและในฐานะคนหนึ่ง” มคิทาร์ยานทิ้งท้ายอย่างมีความหมาย

อ่านด้วย :