ทีมชาตินอร์เวย์เริ่มต้นเส้นทางของพวกเขาในศึกฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกปี 2026 ได้อย่างน่าประทับใจเกินคาด โดยมีมาร์ติน โอเดการ์ด กัปตันทีมคนเก่ง และเหล่านักเตะดาวรุ่งร่วมสร้างผลงานที่ทั้งเฉียบคมและมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม พวกเขาคว้าชัยชนะใน 4 นัดแรกได้แบบไร้ที่ติ ซึ่งไม่เพียงแต่สร้างแรงกระเพื่อมในกลุ่มที่แข่งขันเท่านั้น แต่ยังส่งสารแรงถึงทีมอื่นในทวีปยุโรปว่า “นอร์เวย์มาแล้ว!”
ฟอร์มดุเกินคาด: บุกเร็ว เล่นคม ปิดเกมไว
นอร์เวย์ไม่เพียงแต่คว้าชัยในแต่ละนัด แต่ยังแสดงให้เห็นถึงการครอบครองเกมที่เด็ดขาด พวกเขาเล่นด้วยจังหวะที่รวดเร็ว สื่อสารกันอย่างแม่นยำ และใช้โอกาสได้อย่างคุ้มค่าในแทบทุกจังหวะของเกม เฮดโค้ช สตาเล โซลบักเคน ดูเหมือนจะค้นพบสูตรสำเร็จในการจัดทัพ ทั้งในแง่แท็กติกและจิตวิทยาการเล่น
ด้วยขุมกำลังนักเตะที่เปี่ยมด้วยพรสวรรค์และแผนการเล่นที่ชัดเจน นอร์เวย์จึงไม่ใช่แค่ทีมที่หวังผ่านเข้ารอบสุดท้ายอีกต่อไป พวกเขากลายเป็น “พลังใหม่” ที่พร้อมชนทุกทีม และส่งสัญญาณว่าพร้อมท้าทายเวทีระดับโลก
เจอกลุ่มหนักแต่นอร์เวย์ไม่หวั่น – ชนะทุกนัดทั้งในบ้านและนอกบ้าน
แม้จะอยู่ในกลุ่มที่ไม่ง่าย ร่วมกับทีมใหญ่อย่างอิตาลี รวมถึงอิสราเอล มอลโดวา และเอสโตเนีย แต่นอร์เวย์กลับเดินเกมด้วยความมุ่งมั่นและไร้ความเกรงกลัว
- เกมแรกเปิดฉากอย่างโหดเหี้ยมด้วยการถล่มมอลโดวา 5-0
- ตามด้วยการพลิกแซงเอาชนะอิสราเอลแบบดราม่า 4-2 แสดงให้เห็นถึงสภาพจิตใจที่แข็งแกร่ง
- และไฮไลต์สำคัญอยู่ที่นัดที่นอร์เวย์เปิดบ้านต้อนรับแชมป์โลก 4 สมัยอย่างอิตาลี ก่อนจะถล่มแบบหมดทางสู้ 3-0 ซึ่งกลายเป็นชัยชนะที่ส่งแรงกระเพื่อมไปทั่ววงการฟุตบอลยุโรป
เออร์ลิง ฮาแลนด์: มากกว่ากองหน้าผู้ยิงประตู
เออร์ลิง ฮาแลนด์ ดาวยิงจากแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยังคงเป็นหัวใจสำคัญของเกมรุกนอร์เวย์ ด้วยผลงาน 4 ประตูจาก 4 เกม แต่สิ่งที่น่าจับตามองไม่แพ้กันคือบทบาทอื่นที่เขาทำได้ดีไม่แพ้การยิงประตู
เขาดึงแนวรับคู่แข่งออกจากตำแหน่ง เปิดพื้นที่ให้เพื่อนร่วมทีมมีโอกาสทำประตู อีกทั้งยังแสดงความเป็นผู้นำที่สร้างแรงกระตุ้นให้กับเพื่อนๆ ในสนาม ประตูสำคัญของเขาในเกมเฉือนเอสโตเนีย 1-0 แสดงถึงความเยือกเย็นและความเฉียบคมเมื่อทีมต้องการ
นอร์เวย์ไม่ได้มีดีแค่ฮาแลนด์ – ทีมเวิร์กคือหัวใจสำคัญ
แม้ฮาแลนด์จะเป็นจุดเด่น แต่ทีมชาตินอร์เวย์ในยุคนี้คือทีมที่มีพลังทั้งระบบ อเล็กซานเดอร์ ซอร์ลอธ ยิงไปแล้ว 3 ประตู ขณะที่นักเตะอย่างคริสตอฟเฟอร์ อาเยอร์, ดาวิด โมลเลอร์ โวล์ฟ และอันโตนิโอ นูซา ต่างก็มีชื่อบนสกอร์บอร์ด
กองกลางเล่นอย่างมีวินัย ช่วยประคองเกม และแผงหลังของพวกเขาก็เหนียวแน่น ปิดช่องว่างได้ดี โซลบักเคนสร้างทีมที่กลมกลืนระหว่างเกมรุกและเกมรับ ส่งผลให้นอร์เวย์มีรูปแบบการเล่นที่หลากหลายและยืดหยุ่นตามสถานการณ์
ยืนหนึ่งในกลุ่ม I – เส้นทางสู่ฟุตบอลโลกเริ่มสดใส
จากสถิติ 4 นัดชนะรวด นอร์เวย์นำเป็นจ่าฝูงของกลุ่ม I ด้วยฟอร์มที่โดดเด่น พวกเขาทำได้ถึง 13 ประตู และเสียไปเพียง 2 ลูก ถือเป็นหนึ่งในทีมที่มีสถิติทั้งเกมรุกและเกมรับดีที่สุดในรอบคัดเลือก
เส้นทางสู่เวทีฟุตบอลโลก 2026 อาจยังอีกยาวไกล แต่การเริ่มต้นที่สมบูรณ์แบบนี้คือรากฐานสำคัญของความมั่นใจและแรงบันดาลใจที่จะพาทีมไปสู่เป้าหมาย
นอร์เวย์คือทีมที่ควรจับตา
หากพวกเขารักษาฟอร์มและความมุ่งมั่นแบบนี้ไว้ได้ นอร์เวย์อาจไม่ใช่แค่ทีมที่ “ผ่านเข้ารอบ” เท่านั้น แต่คือหนึ่งในทีมม้ามืดที่พร้อมสร้างเซอร์ไพรส์ในทัวร์นาเมนต์ใหญ่ ไม่แน่ว่าในปี 2026 แฟนบอลทั่วโลกอาจได้เห็นนอร์เวย์ทะยานสู่รอบลึกของฟุตบอลโลกอย่างยิ่งใหญ่
อ่านด้วย :
