วงการฟุตบอลอังกฤษกลับมาร้อนแรงอีกครั้ง หลัง ตุรกี อัลชีค (Turki Al-Sheikh) นักธุรกิจและผู้ทรงอิทธิพลด้านกีฬา-บันเทิงจากซาอุดีอาระเบีย ออกมาโพสต์ข้อความสร้างความฮือฮาในโลกออนไลน์ โดยอ้างว่า สโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (Manchester United) กำลังอยู่ในขั้นตอนสุดท้ายของการขายทีมให้กับนักลงทุนรายใหม่
ข้อความดังกล่าวไม่เพียงแต่สร้างความตื่นเต้นในหมู่แฟนบอล “ปีศาจแดง” ทั่วโลก แต่ยังทำให้ชื่อของตระกูล เกลเซอร์ (Glazer Family) — เจ้าของสโมสรปัจจุบัน — ถูกพูดถึงอย่างหนักอีกครั้ง
โพสต์เดียวสะเทือนโลกออนไลน์
ตุรกี อัลชีค วัย 44 ปี ซึ่งดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการบันเทิงแห่งซาอุดีอาระเบีย (Saudi General Entertainment Authority) และเป็นหนึ่งในบุคคลสำคัญเบื้องหลังการเติบโตของวงการมวยและอีเวนต์ระดับโลกในตะวันออกกลาง ได้สร้างกระแสครั้งใหญ่ผ่านบัญชี X (Twitter) ของเขาที่มีผู้ติดตามกว่า 7.2 ล้านคน
เขาโพสต์ข้อความว่า
“ข่าวดีที่สุดที่ผมได้ยินในวันนี้คือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กำลังเข้าสู่ขั้นตอนสุดท้ายของการขายให้กับนักลงทุนรายใหม่”
พร้อมเสริมอีกว่า
“ผมหวังว่านักลงทุนคนนี้จะดีกว่าเจ้าของเดิมเสียด้วยซ้ำ”
เพียงไม่นานหลังโพสต์เผยแพร่ ยอดการเข้าชมก็พุ่งเกือบถึง สองล้านครั้งภายในไม่กี่ชั่วโมง พร้อมคอมเมนต์จากแฟนบอลมากมายที่เต็มไปด้วยความหวังและความสงสัย
แฟนบอลรายหนึ่งคอมเมนต์สั้น ๆ ว่า “จริงเหรอ?”
อีกคนกล่าวว่า “ขอให้ข่าวนี้เป็นเรื่องจริงเถอะ”
ในขณะที่บางคนถึงกับบอกว่า “แม้มันอาจเป็นข่าวลือ แต่ผมอยากเชื่อสุดหัวใจ”
ครอบครัวเกลเซอร์ยังถืออำนาจใหญ่
ตระกูลเกลเซอร์เข้ามาถือหุ้นใหญ่ในแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตั้งแต่ปี 2005 หลังเทกโอเวอร์จากนักลงทุนชาวไอริช JP McManus และ John Magnier โดยปัจจุบันพวกเขายังครองหุ้นราว 48.9% และควบคุมสิทธิ์ลงคะแนนเสียงกว่า 67.9%
เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปี 2024 มหาเศรษฐีชาวอังกฤษ เซอร์ จิม แรตคลิฟฟ์ (Sir Jim Ratcliffe) ได้เข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นรายใหม่ผ่านบริษัท INEOS ด้วยสัดส่วนราว 29% ของหุ้นสโมสร
แรตคลิฟฟ์เดินหน้าปฏิรูปโครงสร้างบริหารครั้งใหญ่ ไล่ตั้งแต่การปรับระบบบุคลากร ไปจนถึงการเสริมทีมด้วยนักเตะดาวดังอย่าง เบนจามิน เซสโก (Benjamin Šeško) และ ไบรอัน เอ็มเบวโม (Bryan Mbeumo) อย่างไรก็ตาม ฟอร์มของทีมกลับยังไม่นิ่ง และไม่สามารถกลับมาทวงความยิ่งใหญ่ในพรีเมียร์ลีกได้
การเปลี่ยนแปลงในยุคใหม่ของโอลด์ แทรฟฟอร์ด
หนึ่งในการตัดสินใจใหญ่ของแรตคลิฟฟ์คือการปลด เอริก เทน ฮาก (Erik ten Hag) ออกจากตำแหน่งผู้จัดการทีม และแต่งตั้ง รูเบน อาโมริม (Rúben Amorim) เข้ามาแทน แต่การเริ่มต้นของกุนซือชาวโปรตุเกสกลับไม่ราบรื่นนัก
ยูไนเต็ดต้องตกรอบถ้วย Carabao Cup ด้วยน้ำมือทีมจากลีกล่างอย่าง Grimsby Town และร่วงไปอยู่ในอันดับ 10 ของตารางพรีเมียร์ลีก ซึ่งทำให้แฟนบอลเริ่มตั้งคำถามถึงทิศทางของสโมสรอีกครั้ง
แม้ล่าสุดพวกเขาจะกลับมาเก็บชัยชนะเหนือ ซันเดอร์แลนด์ (Sunderland) 2-0 ได้สำเร็จ แต่แรงกดดันก็ยังคงอยู่ โดยมีรายงานว่าแรตคลิฟฟ์จะให้เวลาอาโมริมพิสูจน์ฝีมือภายในสองปี
ข่าวลือหรือสัญญาณแห่งความหวัง?
สำหรับตุรกี อัลชีค แม้จะเคยตกเป็นข่าวเชื่อมโยงกับการซื้อทีมในอังกฤษอย่าง Bristol City แต่เจ้าตัวได้ออกมาปฏิเสธอย่างชัดเจนว่าไม่มีแผนดังกล่าว พร้อมยืนยันว่าเขาไม่ขอแสดงความคิดเห็นใด ๆ เกี่ยวกับการลงทุนในสโมสรยุโรป
อย่างไรก็ตาม การที่บุคคลระดับอัลชีคออกมาโพสต์ในลักษณะนี้ ย่อมทำให้ข่าวลือเรื่อง การขายแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กลับมาร้อนแรงอีกครั้ง และเพิ่มแรงกดดันต่อกลุ่มเกลเซอร์ซึ่งถูกวิจารณ์มาอย่างยาวนานว่าขาดความใส่ใจในความสำเร็จของทีม
จุดเริ่มต้นของยุคใหม่ที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด?
จนถึงตอนนี้ยังไม่มีการยืนยันอย่างเป็นทางการจากสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่แหล่งข่าวในอังกฤษมองว่า หากข่าวนี้เป็นจริง มันอาจเป็นการเปิดฉากยุคใหม่ของ “ปีศาจแดง” ที่แฟนบอลรอคอยมานาน
ไม่ว่าจะเป็นเพียง “ข่าวลือ” หรือ “สัญญาณของความเปลี่ยนแปลงที่ใกล้เข้ามา” สิ่งหนึ่งที่แน่นอนคือชื่อของ ตุรกี อัลชีค ได้กลายเป็นศูนย์กลางของความสนใจในโลกฟุตบอลไปเรียบร้อยแล้ว
อ่านด้วย :