หลังจากทีมชาติเนเธอร์แลนด์เอาชนะ ฟินแลนด์ 4-0 ในศึกอุ่นเครื่องนัดล่าสุดที่สนาม โยฮัน ครัฟฟ์ อารีนา เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 12 ตุลาคม 2025 (ตามเวลาท้องถิ่นยุโรป) หนึ่งในประเด็นที่กลายเป็นที่พูดถึงคือฟอร์มของ เฟรงกี้ เดอ ยอง กองกลางจากบาร์เซโลนา ซึ่งถูกวิจารณ์อย่างหนักโดยตำนานลูกหนังชาวดัตช์ มาร์โก แวน บาสเทน
แม้ผลการแข่งขันจะเป็นชัยชนะที่ขาดลอย แต่แวน บาสเทนมองว่า เดอ ยอง ไม่ได้มีอิทธิพลต่อเกมเท่าที่ควร เขาเล่นอย่างระมัดระวังเกินไป และไม่สามารถสร้างความแตกต่างในจังหวะการขึ้นเกมของทีมได้เลย
“เราคาดหวังให้เฟรงกี้ช่วยเร่งจังหวะเกม แต่เขาไม่ทำเลย มันน่าผิดหวังมาก” แวน บาสเทน กล่าวในรายการ Rondo ทางช่อง Ziggo Sport
“หน้าที่ของเขาคือการเชื่อมเกมจากแนวหลังไปสู่แนวรุกให้เร็ว แต่เขาแทบไม่ได้ทำแบบนั้น ทั้งที่เขามีวิสัยทัศน์และศักยภาพเต็มที่ในการทำให้เกมไหลลื่นขึ้น”
แวน บาสเทน ยังเปรียบเทียบสไตล์การเล่นของ เดอ ยอง ว่าเหมือน “พนักงานส่งจดหมาย” ที่คอยส่งบอลสั้นไปมาโดยไม่สร้างอันตรายให้คู่แข่ง พร้อมแนะนำว่า เดอ ยอง ควรเรียนรู้จาก เปดรี เพื่อนร่วมทีมที่บาร์เซโลนา ซึ่งกล้าเล่น กล้าเสี่ยง และขับเคลื่อนเกมรุกได้อย่างมีพลังมากกว่า
“เปดรีกล้าที่จะเล่นบอลเร็วขึ้น กล้าที่จะพาบอลเข้าไปข้างหน้า และเสี่ยงเพื่อสร้างโอกาสในพื้นที่สุดท้าย นั่นคือสิ่งที่เฟรงกี้ควรนำมาปรับใช้” แวน บาสเทน กล่าวเสริม
ความแตกต่างชัดเจนระหว่าง เปดรี และ เดอ ยอง
การวิจารณ์ของแวน บาสเทนได้เปิดประเด็นเรื่องความแตกต่างระหว่างสองมิดฟิลด์ของบาร์เซโลนาอย่าง เดอ ยอง และ เปดรี อย่างชัดเจน
- เปดรี ได้รับการยกย่องในฐานะนักเตะหนุ่มที่มีความคิดเร็ว อ่านเกมไว และกล้าจ่ายบอลทะลุช่องเพื่อสร้างจังหวะทำประตูให้เพื่อนร่วมทีม
- ขณะที่ เดอ ยอง มักถูกมองว่าเน้นความปลอดภัยมากเกินไป ไม่กล้าเสี่ยงในจังหวะสำคัญ และมักส่งบอลกลับหรือขวางเพื่อรักษาการครองบอล
แนวทางของทั้งคู่สะท้อนถึงปรัชญาฟุตบอลต่างกัน — เปดรีเน้นความคิดสร้างสรรค์และการโจมตีอย่างรวดเร็ว ส่วนเดอ ยอง ยังอยู่ในกรอบของความระมัดระวังและการควบคุมเกมที่ช้าเกินไปสำหรับระดับทีมชาติ
รูด กุลลิต เห็นด้วย: “ฟอร์มกับทีมชาติต่างจากตอนเล่นให้บาร์ซ่า”
ไม่เพียงแค่แวน บาสเทนที่ออกมาให้ความเห็น รูด กุลลิต อีกหนึ่งตำนานทีมชาติเนเธอร์แลนด์ ก็ร่วมวิจารณ์เช่นกัน เขามองว่า เฟรงกี้ เดอ ยอง เล่นต่างออกไปเมื่ออยู่กับทีมชาติ
“ตอนอยู่บาร์เซโลนา เขาดูมีพลังและสร้างสรรค์กว่า แต่พอเล่นกับทีมชาติ ทุกอย่างดูช้าลงมาก” กุลลิต กล่าว
กุลลิตเชื่อว่า ความแตกต่างของระบบการเล่นระหว่าง ทีมชาติเนเธอร์แลนด์ และ บาร์เซโลนา ทำให้ เดอ ยอง ยังไม่สามารถดึงศักยภาพสูงสุดของตัวเองออกมาได้อย่างเต็มที่ เขาแนะนำว่า เดอ ยอง ควรปรับจังหวะและความคิดในการจ่ายบอล เพื่อทำให้ทีมชาติเล่นได้เร็วขึ้นและหลากหลายมากกว่าเดิม
เดอ ยอง กับแรงกดดันใหม่ในบาร์เซโลนา
คำวิจารณ์เหล่านี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาสำคัญของ เฟรงกี้ เดอ ยอง ที่เพิ่งกลับจากภารกิจกับทีมชาติและเตรียมจะเซ็นสัญญาฉบับใหม่กับ บาร์เซโลนา ภายในสัปดาห์นี้ เพื่อยืนยันความตั้งใจที่จะอยู่กับสโมสรในระยะยาว
แม้ในระดับสโมสร เดอ ยอง จะถือเป็นแกนหลักของทีม แต่แรงกดดันจากการถูกเปรียบเทียบกับนักเตะรุ่นน้องอย่าง เปดรี ทำให้เขาจำเป็นต้องพัฒนาเกมของตัวเองให้ดุดันและมีมิติมากขึ้น ทั้งในจังหวะสร้างเกมและการเคลื่อนที่เพื่อทำลายแนวรับคู่แข่ง
เป้าหมายต่อไป: พัฒนาเกมรุกและจังหวะการเล่น
แฟนบอลและผู้เชี่ยวชาญหลายฝ่ายคาดหวังว่า เดอ ยอง จะสามารถนำบทเรียนจากคำวิจารณ์นี้มาใช้ในการปรับปรุงฟอร์มการเล่นของเขา ทั้งในระดับสโมสรและทีมชาติ
กองกลางวัย 28 ปีรายนี้ยังคงเป็นหนึ่งในนักเตะที่มีเทคนิคสูงที่สุดในยุโรป การพัฒนาเพียงเล็กน้อยในด้านจังหวะและความกล้าอาจทำให้เขากลับมาเป็นหัวใจสำคัญของ “ออรันเย่” ได้อีกครั้ง
“เฟรงกี้มีทุกอย่าง ทั้งวิสัยทัศน์และทักษะการครองบอล สิ่งเดียวที่ต้องเพิ่มคือความเร็วและความกล้าในการตัดสินใจ” ผู้สื่อข่าวจาก Ziggo Sport กล่าวปิดท้าย
เสียงวิจารณ์จากสองตำนานอย่าง มาร์โก แวน บาสเทน และ รูด กุลลิต อาจเป็นแรงผลักดันสำคัญให้ เฟรงกี้ เดอ ยอง ก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเอง เขาถูกคาดหวังให้เป็นผู้นำแดนกลางทั้งใน บาร์เซโลนา และ ทีมชาติเนเธอร์แลนด์ และหากเขาสามารถผสมผสานความเฉียบคมแบบเปดรีเข้ากับสไตล์ควบคุมเกมของตัวเองได้สำเร็จ โลกอาจได้เห็นเวอร์ชันที่ดีที่สุดของเฟรงกี้ เดอ ยองในไม่ช้า
อ่านด้วย :
