เมื่อวันจันทร์ที่ 7 กรกฎาคม 2025 ที่ผ่านมา สโมสรฟุตบอลเอซี มิลาน ได้จัดงานแถลงข่าวเปิดตัว มัสซิมิเลียโน อัลเลกรี อย่างเป็นทางการในฐานะหัวหน้าผู้ฝึกสอนคนใหม่ของทีม เพื่อลุยศึกฤดูกาล 2025–26 ซึ่งการกลับมาคุมทีมในถิ่นซานซิโรครั้งนี้ของอัลเลกรี ถือเป็นการเริ่มต้นยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยความคาดหวังและเป้าหมายอันยิ่งใหญ่
ในการแถลงข่าวดังกล่าว อัลเลกรีไม่ได้เพียงแค่พูดถึงเป้าหมายในสนามเท่านั้น แต่ยังส่งสารสำคัญถึงแฟนบอลมิลาน (มิลานิสต้า) พร้อมประกาศแต่งตั้งกัปตันทีมคนใหม่ และทำนายอนาคตที่สดใสของดาวยิงตัวความหวังอย่าง ราฟาเอล เลเอา รวมไปถึงการเผยถึงหลักปรัชญาฟุตบอลที่เขายึดถือเพื่อพาทีมกลับสู่ความยิ่งใหญ่
สารจากใจถึงแฟนมิลาน: ขอแรงสนับสนุนอีกครั้งเพื่อเดินหน้าสู่ความสำเร็จ
อัลเลกรีเริ่มต้นการแถลงข่าวด้วยข้อความชัดเจนถึงแฟนบอล โดยยอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่าความสัมพันธ์ระหว่างสโมสรกับแฟนบอลในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาอาจมีความห่างเหินกันไปบ้าง อย่างไรก็ตาม เขาขอให้มิลานิสต้ากลับมาร่วมเป็นหนึ่งเดียว และให้กำลังใจทีมอีกครั้ง
“สิ่งสำคัญที่สุดคือการทำงานอย่างหนักในทุก ๆ วัน” อัลเลกรีกล่าว
“วิธีเดียวที่เราจะได้รับความเคารพคืนกลับมา คือผ่านความรับผิดชอบ และการคว้าผลการแข่งขันในสนาม เราจำเป็นต้องได้รับแรงสนับสนุนจากพวกเขาอย่างแท้จริง”
เขายังกล่าวถึงความประทับใจในการพบปะกับ Gerry Cardinale เจ้าของสโมสรว่า “เป็นช่วงเวลาที่ดีและเป็นกันเองมาก” ซึ่งบ่งชี้ถึงความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นที่เขาพร้อมใช้เป็นฐานในการสร้างทีมใหม่
ไมค์ เมญอง ได้รับความไว้วางใจเป็นกัปตันทีมคนใหม่
ในการเปลี่ยนแปลงภายในทีม อัลเลกรีประกาศแต่งตั้งผู้รักษาประตูจอมหนึบ ไมค์ เมญอง ให้สวมปลอกแขนกัปตันทีมฤดูกาลใหม่ โดยเขาชื่นชมทั้งฝีมือในสนามและภาวะความเป็นผู้นำของมือกาวทีมชาติฝรั่งเศสรายนี้
“เขาคือหนึ่งในผู้รักษาประตูที่ดีที่สุดในโลก และเป็นผู้นำที่แท้จริงในห้องแต่งตัว”
“ผมต้องขอบคุณสโมสรที่สามารถโน้มน้าวให้เขาอยู่กับทีมต่อ ทั้งที่มีข้อเสนอจากหลายสโมสรใหญ่ในยุโรป”
การเลือกเมญองเป็นผู้นำใหม่ของทีมยังถือเป็นสัญญาณของการเริ่มต้นบทใหม่ที่แข็งแกร่ง และมีความมั่นคงทั้งในและนอกสนาม
ความหวังแห่งซานซิโร: เลเอากับฤดูกาลที่ยิ่งใหญ่
หนึ่งในหัวข้อที่ได้รับความสนใจมากที่สุดจากสื่อ คือมุมมองของอัลเลกรีที่มีต่อ ราฟาเอล เลเอา กองหน้าปีกความเร็วสูง ซึ่งเขาเชื่อมั่นว่าจะก้าวสู่การเป็นดาวเด่นระดับโลกในฤดูกาลนี้
“เขากำลังก้าวเข้าสู่ช่วงอายุทองของนักฟุตบอล คือระหว่าง 26–30 ปี” อัลเลกรีกล่าว
“เขาเริ่มมีความรับผิดชอบมากขึ้น และตอนนี้คือเวลาที่เหมาะสมที่สุดที่เขาจะแสดงศักยภาพที่แท้จริงออกมา”
นอกจากนี้ อัลเลกรียังเผยว่าได้พูดคุยกับเลเอาเป็นการส่วนตัว และเน้นย้ำว่าเขาจะต้องมีวิสัยทัศน์ในสนามที่กว้างขึ้น เพื่อเข้าใจบทบาทในภาพรวมของทีมอย่างเต็มที่
บทบาทของโค้ช: ดึงศักยภาพสูงสุดจากทุกคน
อัลเลกรีย้ำว่า บทบาทสำคัญของเขาในฐานะโค้ชคือ การสร้างระบบที่เอื้อให้ผู้เล่นแต่ละคนโชว์ฟอร์มได้ดีที่สุด โดยนอกจากเลเอาแล้ว เขายังกล่าวถึงผู้เล่นคนอื่น ๆ เช่น Loftus-Cheek, Ricci, Tomori, และ Jimenez ว่าเป็นผู้เล่นที่มีคุณภาพสูง
“ผมต้องวางแผนให้ผู้เล่นทุกคนได้ลงสนามในตำแหน่งที่พวกเขาถนัดที่สุด”
“เราไม่ได้มีแค่เลเอาเท่านั้น แต่ทีมนี้มีขุมกำลังที่น่าสนใจ และทุกคนต้องถูกใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด”
คำตอบเรื่องตลาดนักเตะ และปรัชญาแชมป์
เมื่อถูกถามถึงโอกาสในการคว้าตัวอดีตลูกทีมเก่าอย่าง ดูซาน วลาโฮวิช, อัลเลกรีไม่ได้ตอบตรง ๆ แต่เลือกจะพูดถึงปรัชญาการสร้างทีมแชมป์แทน ซึ่งคือการมีแนวรับที่แข็งแกร่งเป็นพื้นฐาน
“ผมไม่ใช่คนที่คลั่งตัวเลข แต่มีสถิติหนึ่งที่ชัดเจนมาก”
“ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา มีเพียงครั้งเดียวเท่านั้นที่แชมป์เซเรีย อา ไม่ใช่ทีมที่เสียประตูน้อยที่สุด ถ้าคุณเสียถึง 40 ประตูในลีก คุณจะไม่มีวันติดท็อปโฟร์”
แม้จะกล่าวถึงวลาโฮวิชในเชิงชื่นชมว่าเป็น “เด็กหนุ่มที่ยอดเยี่ยม” แต่เขายืนกรานว่าการสร้างทีมที่สมดุลจากแนวรับคือรากฐานสู่ความสำเร็จในระยะยาว
ยุคใหม่ของมิลานเริ่มต้นแล้ว
การกลับมาของ แม็กซ์ อัลเลกรี ไม่ใช่แค่การแต่งตั้งโค้ชคนใหม่เท่านั้น แต่มันคือจุดเริ่มต้นของวิสัยทัศน์ใหม่ที่เต็มไปด้วยความชัดเจน ทั้งในเรื่องของผู้นำในสนาม (เมญอง), ความหวังในแนวรุก (เลเอา), การสื่อสารกับแฟนบอล และการสร้างระบบทีมให้ลงตัวในระยะยาว
แฟนบอลมิลานสามารถตั้งความหวังได้ว่า ฤดูกาล 2025–26 จะไม่ใช่แค่ฤดูกาลของการเปลี่ยนผ่าน แต่เป็นฤดูกาลแห่งการฟื้นคืนความยิ่งใหญ่ของ “ปีศาจแดงดำ” อย่างแท้จริง
อ่านด้วย :