ทีมชาติโปรตุเกสได้จารึกชื่ออีกครั้งในประวัติศาสตร์วงการฟุตบอลยุโรป ด้วยการคว้าแชมป์ UEFA Nations League สมัยที่สอง กลายเป็นทีมชาติแรกที่สามารถครองแชมป์รายการนี้ได้ถึงสองครั้ง โดยพวกเขาเอาชนะทีมชาติสเปนในการดวลจุดโทษ 5-3 หลังจากเสมอกันในเวลา 120 นาที 2-2 ในรอบชิงชนะเลิศที่เมืองมิวนิค ประเทศเยอรมนี ช่วงเช้ามืดวันจันทร์ที่ 9 มิถุนายน 2025 ตามเวลาไทย
ชัยชนะในครั้งนี้ยิ่งตอกย้ำความแข็งแกร่งของทีม “เซเลเซา ดาส กีนาส” ภายใต้การคุมทัพของ โรแบร์โต้ มาร์ติเนซ (Roberto Martinez) ที่พาทีมโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมตลอดทั้งทัวร์นาเมนต์ ตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่มจนถึงรอบชิง
เส้นทางสู่แชมป์ของโปรตุเกส: จากชัยชนะเหนือโครเอเชียสู่การดวลสุดมันส์กับสเปน
ฟอร์มแรงตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่ม
โปรตุเกสเริ่มต้นศึก Nations League ด้วยผลงานร้อนแรง พวกเขาเอาชนะโครเอเชีย 2-1, ชนะสกอตแลนด์ 2-1 และบุกชนะโปแลนด์ถึง 3-1 ก่อนจะเสมอสกอตแลนด์ 0-0 ในเกมนัดที่ 4 และปิดท้ายรอบแบ่งกลุ่มด้วยการถล่มโปแลนด์ 5-1 คว้าตั๋วเข้าสู่รอบน็อกเอาต์อย่างไม่ยากเย็น
ดราม่ากับเดนมาร์กในรอบก่อนรองฯ
แม้พลาดท่าแพ้เดนมาร์ก 0-1 ในนัดแรกของรอบก่อนรองชนะเลิศ แต่พวกเขากลับมาพลิกสถานการณ์ได้อย่างยอดเยี่ยมในเลกสอง ด้วยการเอาชนะ 5-2 หลังต่อเวลาพิเศษ รวมผลสองนัด 5-3 พาเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ
การล้างแค้นเยอรมนี
ในรอบรองชนะเลิศ โปรตุเกสต้องเจอกับศึกหนักอย่างเยอรมนี แต่ด้วยฟอร์มอันยอดเยี่ยมของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่ยิงประตูสำคัญ โปรตุเกสสามารถเฉือนชนะไปได้ 2-1 และผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศกับคู่ปรับร่วมคาบสมุทรไอบีเรียอย่างสเปน
โรแบร์โต้ มาร์ติเนซ กับกลยุทธ์พาโปรตุเกสคว้าชัย
นับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งกุนซือทีมชาติโปรตุเกส มาร์ติเนซได้เปลี่ยนแปลงแนวทางการเล่นของทีมอย่างชัดเจน เขาใช้ระบบหมุนเวียนระหว่าง แผน 4-3-3 และ 3-4-3 ตามความเหมาะสมของคู่แข่งและสถานการณ์เกม
เขานำเอาจุดแข็งของผู้เล่นแต่ละคนมาประยุกต์ใช้ได้อย่างลงตัว เช่น การใช้ ราฟาเอล เลเอา, ดิโอโก้ โชต้า หรือ เปโดร เนโต้ เป็นตัวลากเลื้อยทางริมเส้น หรือใช้ระบบกองหน้าสามตัวที่ยืดหยุ่นอย่าง กอนซาโล่ รามอส, โชต้า และโรนัลโด้
มาร์ติเนซยังคงวางใจในความเก๋าของโรนัลโด้ควบคู่กับการผลักดันแข้งดาวรุ่งอย่าง ฟรานซิสโก้ คอนไซเซา และ วิตินญ่า สร้างทีมที่มีทั้งประสบการณ์และพลังหนุ่มได้อย่างลงตัว
ผู้เล่นหลักที่พาโปรตุเกสครองจ้าวยุโรปอีกครั้ง
- คริสเตียโน่ โรนัลโด้: ดาวยิงระดับตำนานยังคงเป็นหัวใจหลักของทีม แม้อายุจะถึง 40 ปี แต่เขายังสามารถยิงประตูในเกมสำคัญทั้งรอบก่อนรอง, รอบรอง และรอบชิง ถือเป็นนักเตะอายุมากที่สุดที่ยิงได้ใน Nations League
- บรูโน่ แฟร์นันด์ส: เพลย์เมกเกอร์จากแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยังคงแสดงให้เห็นถึงคลาสระดับสูงในทีมชาติ และประสานงานได้ยอดเยี่ยมกับ แบร์นาร์โด้ ซิลวา
- วิตินญ่า: มิดฟิลด์ดาวรุ่งจากปารีส แซงต์-แชร์กแมง คือหัวใจสำคัญในการควบคุมเกมแดนกลาง เขามีวิสัยทัศน์ในการจ่ายบอลและคุมจังหวะได้อย่างยอดเยี่ยม
โปรตุเกสสร้างประวัติศาสตร์ด้วยความกล้าและความมุ่งมั่น
ชัยชนะเหนือทีมชาติสเปนในนัดชิงชนะเลิศ UEFA Nations League 2025 ไม่ได้เป็นเพียงถ้วยรางวัลที่สองของโปรตุเกสในรายการนี้ แต่ยังเป็นบทพิสูจน์ของความกลมเกลียวในทีม การนำทัพอย่างชาญฉลาดของโรแบร์โต้ มาร์ติเนซ และพลังของนักเตะทั้งรุ่นเก๋าและรุ่นใหม่
นับตั้งแต่คว้าแชมป์ ยูโร 2016, Nations League 2019 และล่าสุด Nations League 2025, ทีมชาติโปรตุเกสได้กลายเป็นหนึ่งในขุนพลแห่งยุโรปที่น่าเกรงขามที่สุดในยุคปัจจุบัน
อ่านด้วย :