Harvey Elliott มิดฟิลด์ดาวรุ่งของ ลิเวอร์พูล สร้างความประทับใจอย่างยิ่งในศึก ยูโร U-21 รอบรองชนะเลิศ เมื่อเขาซัดคนเดียวสองประตูช่วยทีมชาติอังกฤษเฉือนชนะเนเธอร์แลนด์ 2-1 พา “สิงโตคำรามน้อย” ทะลุเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศได้สำเร็จ
ฟอร์มการเล่นอันโดดเด่นของ Elliott ไม่ได้แค่การันตีชัยชนะ แต่ยังสะท้อนถึงพัฒนาการของเจ้าตัวในฐานะ “ผู้นำ” ที่แท้จริงในสนาม ซึ่งเจ้าตัวก็ออกมาเปิดใจว่า เบื้องหลังความสำเร็จในวันนี้ มาจากบทเรียนที่เขาได้เรียนรู้จากสองรุ่นพี่ในลิเวอร์พูล คือ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค
สวมบทผู้นำเต็มตัวในทีมชาติอังกฤษ U-21
Elliott ยอมรับว่า บทบาทของเขาในทีมชาติชุดเยาวชนในตอนนี้แตกต่างจากในสโมสรอย่างสิ้นเชิง หากในแอนฟิลด์ เขาเป็นเพียงดาวรุ่งที่อยู่ท่ามกลางซูเปอร์สตาร์มากประสบการณ์ แต่ในทีมชาติอังกฤษชุด U-21 เขากลายเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ผ่านประสบการณ์มากที่สุด
“ในลิเวอร์พูล ผมมีโอกาสได้เรียนรู้จากผู้นำหลายคน แต่ในทีมนี้ มันถึงเวลาที่ผมต้องใช้บทเรียนนั้นมาเป็นแนวทางนำทีม” Elliott กล่าว
“แม้บางครั้งผมจะเริ่มจากม้านั่งสำรอง ผมก็พยายามรักษาพลังบวกไว้เสมอ ช่วยกระตุ้นเพื่อนร่วมทีม และเรียนรู้ว่าผู้นำที่แท้จริงต้องทำอะไรบ้างเมื่อทีมเจอกับช่วงเวลายากลำบาก”
โม ซาลาห์ และ ฟาน ไดจ์ค คือแบบอย่างที่แท้จริง
ในบทสัมภาษณ์เดียวกัน Elliott ยังยกย่อง Salah และ Van Dijk ว่าเป็นต้นแบบที่เขานำมาใช้ในสนาม โดยเฉพาะ “ภาวะผู้นำผ่านการกระทำ” ซึ่งเขาเชื่อว่า สำคัญกว่าคำพูดใดๆ
“ซาลาห์เป็นผู้เล่นที่มักจะยิงประตูสำคัญให้ทีมในช่วงเวลาชี้ขาด ขณะที่ฟาน ไดจ์ค มักจะปรากฏตัวในช่วงท้ายเกม และทำประตูด้วยลูกโหม่งที่เปลี่ยนเกมได้โดยสิ้นเชิง” Elliott อธิบาย
“สิ่งเหล่านี้คือแบบอย่างของภาวะผู้นำ — ไม่ยอมแพ้ แม้เวลาจะเหลือน้อยแค่ไหน และลงมือทำเพื่อทีมอย่างสุดหัวใจ”
จุดเปลี่ยนของอาชีพ? ฟอร์มท็อปในศึกยูโร U-21
ด้วยผลงาน 4 ประตูในทัวร์นาเมนต์นี้ Elliott กลายเป็นหนึ่งในดาวซัลโวเด่นที่สุดของศึก U-21 Euro ซึ่งถือเป็นการตอบกลับคำวิจารณ์ที่เคยตั้งคำถามว่าเขายังไม่พร้อมสำหรับเกมใหญ่ในระดับชาติ
เขาเผยว่า ประสบการณ์ในการคว้าแชมป์รายการเดียวกันในปี 2023 ทำให้เขาเข้าใจดีถึงสิ่งที่ทีมต้องการในรอบลึกๆ ของทัวร์นาเมนต์
“ผมรู้ว่าอะไรคือสิ่งสำคัญในการพาทีมมาถึงจุดนี้ ผมเคยเห็นว่าผู้เล่นจำเป็นต้องลุกขึ้นสู้ยังไงในช่วงเวลาที่ยากที่สุด และตอนนี้ ผมพยายามทำสิ่งเดียวกันเพื่อทีม”
แม้จะดีใจที่ทำได้สองประตูในรอบรองฯ แต่เขากลับไม่หลงระเริง พร้อมย้ำว่าเป้าหมายคือการคว้าแชมป์ในรอบชิง
“เราต้องพักฟื้นอย่างรวดเร็วและเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับรอบชิงชนะเลิศ เพราะยังไม่มีอะไรการันตีจนกว่าถ้วยจะอยู่ในมือเรา”
อ่านด้วย :