ยาสซีน บูนู กลายเป็นกำแพงเหล็กให้กับทีม อัล ฮิลาล อีกครั้งในเกมเปิดหัวสุดดุเดือดของกลุ่ม H ศึก ฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก 2025 ที่จัดขึ้น ณ สนาม ฮาร์ดร็อก สเตเดียม เมืองไมอามี สหรัฐอเมริกา โดยที่คู่ต่อสู้ในนัดนี้ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นราชันแห่งยุโรป เรอัล มาดริด
แม้ทีมจากลาลีกาจะขึ้นนำก่อนจากประตูของ กอนซาโล การ์เซีย ทว่า รูเบน เนเวส ก็ตอบโต้ด้วยจุดโทษอันเยือกเย็น ก่อนที่ฮีโร่ตัวจริงอย่างบูนูจะโชว์ซูเปอร์เซฟสุดท้ายที่เปลี่ยนผลการแข่งขัน และอาจเปลี่ยนชะตาของอัล ฮิลาลในทัวร์นาเมนต์นี้
อัล ฮิลาล ไม่หวั่นราชันชุดขาว
ภายใต้การคุมทีมของ ซิโมเน อินซากี้ อดีตกุนซืออินเตอร์ มิลาน อัล ฮิลาลแสดงให้เห็นถึงความกล้าและไม่ยอมถอยแม้ต้องเผชิญหน้ากับทีมที่คว้าแชมป์ยุโรปมากที่สุดในประวัติศาสตร์ พวกเขาเริ่มต้นเกมอย่างดุดันและมีจังหวะส่งบอลเข้าสู่ตาข่ายจาก เรนาน โลดี้ แต่ถูกจับล้ำหน้าเสียก่อน
กระนั้น เรอัล มาดริดที่นำโดย ซาบี อลอนโซ่ ก็ยังโชว์ความเหนือชั้นด้วยการประสานงานของแนวรุก โรดรีโก้ และการ์เซีย ที่ยิงเบียดเสาเข้าไปในนาทีที่ 34
แต่ความได้เปรียบของมาดริดอยู่ได้ไม่นาน เพราะในนาทีที่ 41 มาร์กอส เลโอนาร์โด ถูกทำฟาวล์ในกรอบเขตโทษ และรูเบน เนเวสก็ไม่พลาดที่จะสังหารจุดโทษตีเสมออย่างเด็ดขาด
หนึ่งมือ หนึ่งแต้ม: เมื่อบูนูเปลี่ยนผลเกม
ครึ่งหลังมาดริดยกระดับเกม โดยเฉพาะจังหวะของ อาร์ดา กูเลอร์ ที่เกือบทำประตูจากระยะไกลแต่บอลไปชนคานอย่างน่าเสียดาย และเมื่อเข้าสู่ช่วงท้ายเกม เหตุการณ์ดราม่าก็บังเกิดเมื่อ โมฮัมเหม็ด อัลกอห์ตานี ไปทำฟาวล์ในกรอบเขตโทษ
เฟเดริโก้ บัลเบร์เด้ รับหน้าที่สังหารจุดโทษในนาทีที่ 92 ซึ่งหลายคนเชื่อว่านี่คือประตูชัยของมาดริด แต่ ยาสซีน บูนู กลับกลายเป็นคนเปลี่ยนทุกอย่าง เขาพุ่งถูกทางและปัดลูกยิงไว้ได้อย่างเหลือเชื่อ — ไม่ต่างจากการทำประตูจากมือของผู้รักษาประตู
เสียงจากฮีโร่: “สติต้องนิ่ง สมาธิต้องแน่น”
หลังจบการแข่งขัน บูนูกล่าวด้วยความภาคภูมิใจว่า
“นี่ไม่ใช่เกมง่ายเลย เรอัล มาดริดคือทีมระดับโลก เต็มไปด้วยนักเตะชั้นนำ การรักษาสมาธิคือกุญแจสำคัญ”
เขากล่าวต่อถึงจังหวะสำคัญว่า
“ผมขอบคุณพระเจ้าที่ช่วยให้ผมเซฟจุดโทษนั้นได้ หน้าที่ของผมในฐานะผู้รักษาประตูคือการยืนหยัดในช่วงเวลาสำคัญ เราต้องมีสมาธิตลอดเกม โดยเฉพาะเมื่อเจอกับทีมอย่างมาดริด”
ฝั่งราชัน…หวานอมขมกลืน
ด้านผู้ทำประตูของมาดริดอย่าง กอนซาโล การ์เซีย ให้สัมภาษณ์หลังเกมว่า
“มันเป็นความรู้สึกที่ทั้งหวานและขม เราต้องการชัยชนะเพื่อออกสตาร์ทให้ดี เราสู้จนถึงนาทีสุดท้าย แต่ต้องยอมรับว่าอัล ฮิลาลก็เล่นได้ยอดเยี่ยม และคะแนนนี้อาจกลายเป็นแต้มสำคัญในเกมถัดไป”
เมื่อ “ผู้รักษาประตู” กลายเป็น “ผู้รักษาความหวัง”
เกมนี้พิสูจน์ว่า อัล ฮิลาลไม่ได้มาเพื่อเป็นเพียงทีมประกอบ และการที่ยาสซีน บูนูกลายเป็นฮีโร่เซฟจุดโทษในนาทีสุดท้าย ไม่เพียงแต่ช่วยทีมเก็บ 1 แต้มเท่านั้น แต่ยังเป็นการจุดไฟความหวังให้กับสโมสรจากตะวันออกกลางในการลุ้นเข้ารอบต่อไป
บูนูในค่ำคืนนี้ไม่ได้แค่ป้องกันประตู แต่เขากำลังปกป้องศักดิ์ศรี ความหวัง และศรัทธาของแฟนบอลอัล ฮิลาลทั่วโลก
อ่านด้วย :